is, am, are แปลว่า เป็น อยู่ คือ เราใช้กริยานี้เพื่อแสดงสภาพสภาวะในปัจจุบัน เมื่อเราพูดถึงสภาพสภาวะที่กำลังเป็นอยู่ การใช้ is, am, are ต้องสังเกตประธาน ควรดูประธานว่าเป็นรูปสรรพนาม หรือคำนาม ถ้าประธานเป็นคำสรรพนาม จะมีการใช้ดังนี้
I ใช้กับ am
He ใช้กับ is
She ใช้กับ is
It ใช้กับ is
ประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 ใช้กับ is
You ใช้กับ are
We ใช้กับ are
They ใช้กับ are
ประธานพหูพจน์บุรุษที่ 3 ใช้กับ is
ประธาน
Subject |
กริยา to be หรือ
Verb to be |
ส่วนเติมเต็ม
Complement |
I |
am
|
a student
|
You/ We/ They The students The books |
are
|
in the room.
|
He/ She/ It The student The book |
is
|
on the table.
|
V. to be + V3 ก็ Pasiive voiceค่ะ
active voice คือ ประโยคที่เราพูดกันธรรมดาๆ ประธาน + กริยา + กรรม
passive voice คือ ประโยคที่เอากรรมมาเป็นประธานของประโยค เพื่อเน้นว่ากรรมนั้นถูกกระทำโดยใคร
เช่น active >> He kicks the dog. (เขาเตะหมา)
passive (เอากรรมขึ้นก่อน)>> The dos is kicked by him. (หมาถูกเตะโดยเขา) * ใช้ is เพราะหมามีตัวเดียว
active >> He steal the rings. (เขาขโมยแหวนหลายวง)
passive (เอากรรมขึ้นก่อน)>> The rings are stolen by him (แหวนหลายวงถูกขโมยโดยเขา) * ใช้ are เพราะแหวนมีหลายวง
active >> He ate an apple (เขากินแอปเปิ้ล แต่ผ่านมาแล้ว >> กินในอดีต)
passive (เอากรรมขึ้นก่อน)>> An apple was eaten by him (แอปเปิ้ลถูกกินโดยเขา) * ใช้ was เพราะแอปเปิ้ล1ลูกเป็นเอกพจน์ และเป็นอดีตด้วย เลยใช้ was
active >> He wrote the books (เขาเขียนหนังสือหลายเล่มในอดีต)
passive (เอากรรมขึ้นก่อน)>> The book were writen by him (หนังสือหลายเล่มถูกเขียนโดยเขาในอดีต) * ใช้ were เพราะหนังสือมีหลายเล่ม เป็นพหูพจน์ ใช้ were
บทความดีมากครับ
ตอบลบแต่น่าจะเขียนต่อเนื่องจนครบ ^^ อยากติดตามตอนต่อไปครับ